โจฟันนี คริสตียาน ฟัน โบรงก์ฮอสต์ (ดัตช์: Giovanni Christiaan van Bronckhorst) เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1975 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์เชื้อสายโมลุกกะ และเคยเป็นกัปตันฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008
ในอาชีพนักฟุตบอลของเขา ฟัน โบรงก์ฮอสต์เล่นในสโมสรแอร์กาเซ วาลไวก์ (RKC Waalwijk, 1993–1994), ไฟเยอโนร์ด (1994–1998), เรนเจอส์ (1998–2001), อาร์เซนอล (2001–2003), บาร์เซโลนา (2003–2007) และกลับมายังไฟเยอโนร์ดอีกครั้ง (2007–2010) เขาเป็นผู้เล่นในชุดบาร์เซโลนาที่ชนะยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2005–2006 ในฐานะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เขาลงเล่น 100 นัด และได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 3 ครั้ง (1998, 2006 และ 2010) และลงแข่งในฟุตบอลยูโร (2000, 2004 และ 2008)
วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/อัลเฟรโด ดี สเตฟานโน/ศูนย์หน้าผู้ทำสกอร์สูงสุดตลอดกาลของสเปน
อัลเฟรโด สเตฟาโน ดี สเตฟาโน เลาเล (สเปน: Alfredo Stéfano Di Stéfano Laulhé) เกิดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1926 ที่บาร์รากัส บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวอิตาลีจากเกาะกาปรี[2] เป็นอดีตนักฟุตบอลและโค้ชชาวอาร์เจนตินา เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล ร่วมทีมกับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดโดยมากและเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ทีมโดยเด่นในถ้วยยุโรป ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 ช่วงเวลาที่สโมสรได้ถ้วยติดต่อกัน 5 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 ดี สเตฟาโนเล่นให้กับทีมชาติสเปนโดยมาก แต่เขาก็ลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาและโคลอมเบียด้วยเช่นกัน
เขาถือสถิติในปัจจุบันในฐานะผู้ยิงประตูสูงสุดอันดับ 4 ในลีกสูงสุดของสเปน และถือสถิติผู้ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับ 2 ในลีกของทีมเรอัลมาดริด โดยยิงได้ 216 ประตูในการลงแข่ง 282 นัดในลีก ระหว่างปี ค.ศ. 1953 ถึง 1964
เขาถือสถิติในปัจจุบันในฐานะผู้ยิงประตูสูงสุดอันดับ 4 ในลีกสูงสุดของสเปน และถือสถิติผู้ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับ 2 ในลีกของทีมเรอัลมาดริด โดยยิงได้ 216 ประตูในการลงแข่ง 282 นัดในลีก ระหว่างปี ค.ศ. 1953 ถึง 1964
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/โรเจอร์ มิลลา/ดาวยิงทีมชาติแคเมอรูน
อัลเบิร์ต โรเจอร์ มิลลา (Albert Roger Milla) (เกิด 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2495 ที่เมืองยาอุนเด) นักฟุตบอลจากประเทศแคเมอรูน ถึงแม้ว่า โรเจอร์ มิลลา ได้เริ่มเล่นให้ทีมชาติแคเมอรูนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2521 ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525 แต่มีชื่อเสียงในฟุตบอลโลก 1990 และฟุตบอลโลก 1994
ในการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา โรเจอร์ มิลลา ได้ทำประตูของเขาในขณะที่อายุ
42 ปี 39 วัน ทำให้เป็นสถิติฟุตบอลโลก นักฟุตบอลที่อายุสูงสุดที่ทำประตูได้
ในนัดที่แข่งกับทีมชาติรัสเซีย
ชีวิตในช่วงเด็กของ โรเจอร์ มิลลา
ได้ย้ายที่อยู่บ่อยเนื่องจากพ่อทำงานสร้างทางรถไฟ
เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกเมื่ออายุ 13 ปี ให้กับสโมสร เอแคลร์ เมื่ออายุ 25
ปี ได้นำทีม ตงแนร์ เป็นแชมป์ ในปี พ.ศ. 2520
(1977) โรเจอร์ มิลลาได้ไปยุโรปและเล่นให้กับสโมสร วาล็องเซียนส์
ในฝรั่งเศส แต่ไม่ได้ลงเล่นตลอดเวลา 2 ปี และได้ย้ายต่อไปที่ อาแอส โมนาโก
และ บาสเตีย จนในที่สุดได้ย้ายไปเล่นให้กับ แซงต์-เอเตียง ในปี พ.ศ. 2527
และมีชื่อเสียงในช่วงนี้ และได้ย้ายต่อไปเล่นให้กับ มงต์เปลลิเยร์ ในช่วง
2529-2532
โรเจอร์ มิลลา ในวัย 38 ปี ถูกขอร้องให้เปลี่ยนใจจากการแขวนสตั๊ดมาช่วยทีมชาติแคเมอรูน บ้านเกิด ลุยศึกฟุตบอลโลก 1990 และเขาก็ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เมื่อทำไปถึง 4 ประตู รวมถึงเป็นต้นแบบของท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ในปี พ.ศ. 2547 โรเจอร์ มิลลา ได้มีชื่ออยู่ใน ฟีฟ่า 100 รายชื่อนักฟุตบอลยอดเยี่ยม 125 คน ที่เลือกโดยเปเล่
ชีวิตในช่วงเด็กของ โรเจอร์ มิลลา

โรเจอร์ มิลลา ในวัย 38 ปี ถูกขอร้องให้เปลี่ยนใจจากการแขวนสตั๊ดมาช่วยทีมชาติแคเมอรูน บ้านเกิด ลุยศึกฟุตบอลโลก 1990 และเขาก็ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เมื่อทำไปถึง 4 ประตู รวมถึงเป็นต้นแบบของท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ในปี พ.ศ. 2547 โรเจอร์ มิลลา ได้มีชื่ออยู่ใน ฟีฟ่า 100 รายชื่อนักฟุตบอลยอดเยี่ยม 125 คน ที่เลือกโดยเปเล่
ตำนานซูเปอร์สตาร์บอลโลก/ฮอร์เก้ คัมโปส/ผู้รักษาประตูโลกตะลึง
ฮอร์เก้ คัมโปส มีชื่อเล่นว่า El Brody หรือ Chiqui-campos เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1966 ปัจจุบัน อายุ 43 ปี
เป็นหนึ่งในนักฟุตบอล ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ในช่วงศตรรษที่ 1990
ของทีมชาติเม็กซิโก โดยเฉพาะการเคลื่อนไวอย่างคล่องแคล่ว
ที่เกิดขึ้นให้เห็นในกรอบประตู และเครื่องแต่งการที่มีสีสันสดใสของเขา
ทำให้โดดเด่งเป็นพิเศษ ฮอร์เก้ คัมโปส เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการกระโดดรวมถึงความรวดเร็วอยู่ในตัว
มีทักษะที่ดี และจิตใจที่เข้มแข็งในการเอาชนะความสูงของตนเอง ซึ่งเขานั้นสูงเพียง 5ฟุต 8นิ้ว (173 ซม.)
ถือว่าตัวเล็กเป็นอย่างมาก ในการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ยิ่งไปกว่านั้น ฮอร์เก้ คัมโปส ยังมีความสามารถในการเล่นเป็นกองหน้าได้อีกด้วย บางครั้ง เขาเริ่มต้นเกมส์ด้วยตำแหน่งผู้รัษาประตู และเปลี่ยนมาเล่นกองหน้าในเวลาที่สโมสร ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้ ทำให้มันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
ประวัติในการเล่นสโมสร
ฮอร์เก้ คัมโปส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล ในปี 1988 กับสโมสรPumas ในประเทศเม็กซิโก ในชั่วแรกของอาชีพการค้าแข้งเขาไม่ได้เป็นมือ 1 ของสโมสร เนื่องจากในตอนนั้นได้มี Adolfo Rios ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูที่มีฝีมือเยี่ยงยืนขวางทางอยู่ แต่เขานั้นมีความปรารถนาที่จะลงเล่นเป็น 11คนแรกของสโมสร โค้ชจึงย้าย เขาไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าแทน ซึ่ง ฮอร์เก้ คัมโปส ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลแรกกับ
สโมสร ด้วยการยิงไป 14 ประตู อยู่ในดำลับต้นๆ ของดาวซัลโวในลีกเม็กซิโก ในฤดูกาลถัดไป เขาได้รับ
ตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งสองสโมสร ในฤดูกาล 1990-1991 เขาได้แชมป์ลีกกับสโมสรPumas เป็นครั้งแรก เขาเล่นให้สโมสรPumas ตั้งแต่ปี 1988-1995 หลังจากนั้น เขาก็ได้ผจยภัยไปกับอีกหลายสโมสร
ทั้งในและต่างประเทศ เช่น Los Angeles Galaxy กับ Chicago Fire ใน Major League Soccer ก่อนจะมา
เลิกค้าแข้งกับสโมสรในบ้านเกิดกับทีม Puebla รวมชีวิตการค้าแข่งในสโมสรทั้งหมด 460 นัด ทำไปทั้งสิ้น
35 ประตู
ประวัติในการเล่นให้ทีมชาติ
เริ่ม ต้นชีวิตในทีมชาติ ตั้งแต่ปี 1991-2004 ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมา 3 ครั้ง ในปี 1994,1998, 2002(ปี 2002 เป็นมือ 3) รวมทั้งสิ้น ติดทีมชาติทั้งหมด 130 นัด 0 ประตู
ทำให้โดดเด่งเป็นพิเศษ ฮอร์เก้ คัมโปส เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการกระโดดรวมถึงความรวดเร็วอยู่ในตัว
มีทักษะที่ดี และจิตใจที่เข้มแข็งในการเอาชนะความสูงของตนเอง ซึ่งเขานั้นสูงเพียง 5ฟุต 8นิ้ว (173 ซม.)
ถือว่าตัวเล็กเป็นอย่างมาก ในการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ยิ่งไปกว่านั้น ฮอร์เก้ คัมโปส ยังมีความสามารถในการเล่นเป็นกองหน้าได้อีกด้วย บางครั้ง เขาเริ่มต้นเกมส์ด้วยตำแหน่งผู้รัษาประตู และเปลี่ยนมาเล่นกองหน้าในเวลาที่สโมสร ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้ ทำให้มันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
ประวัติในการเล่นสโมสร
ฮอร์เก้ คัมโปส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล ในปี 1988 กับสโมสรPumas ในประเทศเม็กซิโก ในชั่วแรกของอาชีพการค้าแข้งเขาไม่ได้เป็นมือ 1 ของสโมสร เนื่องจากในตอนนั้นได้มี Adolfo Rios ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูที่มีฝีมือเยี่ยงยืนขวางทางอยู่ แต่เขานั้นมีความปรารถนาที่จะลงเล่นเป็น 11คนแรกของสโมสร โค้ชจึงย้าย เขาไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าแทน ซึ่ง ฮอร์เก้ คัมโปส ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลแรกกับ
สโมสร ด้วยการยิงไป 14 ประตู อยู่ในดำลับต้นๆ ของดาวซัลโวในลีกเม็กซิโก ในฤดูกาลถัดไป เขาได้รับ
ตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งสองสโมสร ในฤดูกาล 1990-1991 เขาได้แชมป์ลีกกับสโมสรPumas เป็นครั้งแรก เขาเล่นให้สโมสรPumas ตั้งแต่ปี 1988-1995 หลังจากนั้น เขาก็ได้ผจยภัยไปกับอีกหลายสโมสร
ทั้งในและต่างประเทศ เช่น Los Angeles Galaxy กับ Chicago Fire ใน Major League Soccer ก่อนจะมา
เลิกค้าแข้งกับสโมสรในบ้านเกิดกับทีม Puebla รวมชีวิตการค้าแข่งในสโมสรทั้งหมด 460 นัด ทำไปทั้งสิ้น
35 ประตู
ประวัติในการเล่นให้ทีมชาติ
เริ่ม ต้นชีวิตในทีมชาติ ตั้งแต่ปี 1991-2004 ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมา 3 ครั้ง ในปี 1994,1998, 2002(ปี 2002 เป็นมือ 3) รวมทั้งสิ้น ติดทีมชาติทั้งหมด 130 นัด 0 ประตู
ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/Zvonimir Boban/กองกลางที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งของโครแอต
จอมทัพของปีศาจแดงดำที่เคยค้าแข้งในซานซิโรตั้งแต่ปี 1992-2001 คือขุนพลยุคทองของทีมชาติโครเอเชีย ที่เกือบจะได้ไปถึงนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1998 โดยออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนที่จะถูกทีเด็ดของลิลิยง ตูราม ทำคนเดียวสองประตูพลิกแซงไปได้ จนพลาดโอกาสเข้าชิงไปอย่างน่าสียดาย
เขาคือนักเตะหมายเลข 10 ของทีมตราหมากรุกในยุคนั้น ซึ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าฝีเท้ายอมเยี่ยมแค่ไหน โดยเฉพาะลูกจ่ายอันเฉียบคมและเหนือชั้นที่พลิกเกมมาแล้วนักต่อนัก
ท้ายที่สุด โครเอเชียคว้าอันดับสามไปครอง ส่วนฝรั่งเศสก้าวขึ้นไปเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกด้วยการปราบบราซิลหมดท่า 3-1 แต่โลกไม่เคยลืมผลงานของอันดับสามในคราวนั้นเลย เมื่อพวกเขาสร้างความลำบากให้ฝรั่งเศสได้มากกว่ารองแชมป์อย่างบราซิลเสียอีก
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : ซโวนิเมียร์ โบบัน
วันเกิด : 8 ตุลาคม 1968
อายุ : 45 ปี
เมืองเกิด : Imotski, ยูโกสลาเวีย
ส่วนสูง : 185 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์
สโมสรเยาวชน ปี 1978–1981 : Mracaj Runovic ปี 1981–1982 : Hajduk Split ปี 1983–1985 : ดินาโม ซาเกร็บ
สโมสรอาชีพ ปี 1985–1991 : ดินาโม ซาเกร็บ ลงเล่น 109 นัดยิงได้ 45 ประตู ปี 1991–2002 : เอซี มิลาน ลงเล่น 251 นัดยิงได้ 30 ประตู ปี 1991–1992 : บารี (ยืมตัว) ลงเล่น 17 นัดยิงได้ 2 ประตู ปี 2001–2002 : เซลต้า บีโก้ (ยืมตัว) ลงเล่น 4 นัด
ปัจจุบันเลิกเล่นแล้ว รวม : ลงเล่น 381 นัดยิงได้ 77 ประตู ทีมชาติ ปี 1987 : ยูโกสลาเวีย ยู-20 ลงเล่น 6 นัดยิงได้ 3 ประตู ปี 1988–1991 : ยูโกสลาเวีย ลงเล่น 7 นัดยิงได้ 1 ประตู ปี 1990–1999 : โครเอเชีย ลงเล่น 51 นัดยิงได้ 12 ประตู
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : ซโวนิเมียร์ โบบัน
วันเกิด : 8 ตุลาคม 1968
อายุ : 45 ปี
เมืองเกิด : Imotski, ยูโกสลาเวีย
ส่วนสูง : 185 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์
สโมสรเยาวชน ปี 1978–1981 : Mracaj Runovic ปี 1981–1982 : Hajduk Split ปี 1983–1985 : ดินาโม ซาเกร็บ
สโมสรอาชีพ ปี 1985–1991 : ดินาโม ซาเกร็บ ลงเล่น 109 นัดยิงได้ 45 ประตู ปี 1991–2002 : เอซี มิลาน ลงเล่น 251 นัดยิงได้ 30 ประตู ปี 1991–1992 : บารี (ยืมตัว) ลงเล่น 17 นัดยิงได้ 2 ประตู ปี 2001–2002 : เซลต้า บีโก้ (ยืมตัว) ลงเล่น 4 นัด
ปัจจุบันเลิกเล่นแล้ว รวม : ลงเล่น 381 นัดยิงได้ 77 ประตู ทีมชาติ ปี 1987 : ยูโกสลาเวีย ยู-20 ลงเล่น 6 นัดยิงได้ 3 ประตู ปี 1988–1991 : ยูโกสลาเวีย ลงเล่น 7 นัดยิงได้ 1 ประตู ปี 1990–1999 : โครเอเชีย ลงเล่น 51 นัดยิงได้ 12 ประตู
วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/เปเล่/"ราชาแห่งไข่มุกดำ"
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : เเอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต้
วันเกิด : 23 ตุลาคม 1940 (อายุ 67 ปี)
สถานที่เกิด : เตรส โคราซอส, บราซิล
ส่วนสูง : 1.74 เมตร (5 ฟุต 8 นิ้วครึ่ง)
ทีมชาติ : บราซิล (แขวนสตั๊ดแล้ว)
ตำแหน่ง : กองหน้า
ประวัติความเป็นมา
เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต้ หรือที่ทั่วโลกรู้จักในนามของ “ไข่มุกดำ”เปเล่ อดีตนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “โคตรบอล” ขนานแท้และยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ด้วย
คุณสมบัติของเปเล่ ล้วนเป็นที่ถวิลหาของโค้ชทุกทีมความสามารถเป็นที่ทั้งอยาก และยากจะเลียนแบบของนักเตะในทุกยุคทุกสมัย เล่นบอลได้ดีทั้งสองเท้าเข้าข่ายพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกของฟุตบอล ผ่านบอลแม่นราวจับวาง เป็นตัวจบสกอร์ที่เพอร์เฟกต์ เรียกได้ว่าเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดของโลกเลยทีเดียว
ด้านความเร็ว และความแข็งแกร่ง เปเล่ ไม่เคยเป็นสองรองใครแม้ยามครอบครองบอล ชีวิตประสบความสำเร็จจนแทบจะสำลัก 2 ประตูจากที่ตัวเองลั่นไกสังหารนั้นพา “แซมบ้า” บราซิล คว้าแชมป์โลกมาด้วย รวมแล้วเปเล่ ขึ้นรับถ้วยแชมป์ 3 สมัย แต่ เปเล่ รีไทร์ จากวงการตั้งแต่ปี 1977 หลังจากนั้นชีวิตก็มิได้ห่างหายจากวงการฟุตบอล ยังคงเป็นทูตให้กับวงการกีฬารับใช้สร้างประโยชน์ให้สังคมต่อไป
เริ่มต้นชีวิต
ชื่อจริงของ เปเล่ ถูกตั้งตามนักประดิษฐ์ของโลก โธมัส เอดิสัน แต่ไม่มีใครคิดจะตั้งชื่อเล่นให้ จนกระทั้งเข้าโรงเรียน เมื่อก่อน เปเล่ ไม่ค่อยจะชอบชื่อเล่นของตัวเองนัก แต่เหมือนว่ายิ่งตัวเองบ่นไม่ชอบมากแค่ใหน เพื่อนๆก็ยิ่งเรียกบ่อยมากเท่านั้น จากนั้นก็เคยชิน และขาดชื่อนี้ไม่ได้ ไม่มีใครคาดคิดว่าวันนึง “เปเล่” จะเป็นชื่อที่คนทั่วโลกรู้จัก พร้อมขนานนามว่านี่คือ “God” ของวงการฟุตบอล เหมือนเป็นชื่อที่พระเจ้าประทานมาให้คู่กันจริงๆ
ก้าวสู่อาชีพค้าแข้ง
1956-1974 : ซานโต๊ส
เปเล่ เติบโตขึ้นมากับการเล่นฟุตบอลตามท้องถนนดินลูกรังในบ้านเกิด ไม่มีแม้กระทั่งถุงเท้าดังนั้นเรื่องรองเท้า ไม่ต้องฝันถึงกระทั่งลูกบอลที่จะใช้เตะยังมาจากกระดาดเอามาปั้นเป็นก้อนกลม หรือไม่ก็ลูกเกรฟฟรุ๊ต ลูกหนังลูกแรกที่เปเล่ ได้สัมผัสคือของขวัญวันเกิดครบ 6 ขวบจากเพื่อนร่วมทีมของคุณพ่อที่เป็นนักฟุตบอลชื่อ โซซ่า
พอวัยได้ 11 ปีเปเล่ ถูกนักเตะระดับตำนานของบราซิล อย่าง “วัลเดมาร์ เดอ บริโต้ สังเกตุเห็นแววและชวนกันไปอยู่ทีมสมัครเล่นของ “บริเตอร์ ต่อมาปี 1956 ผู้ดูแลได้พาไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ ซานโตส ซึ่ง เดอ บริเตอร์ การันตี ไว้ตั้งแต่อายุ 15 แล้วว่า เปเล่ จะก้าวขึ้นเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคตแน่นอน
เปเล่ โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด เมื่อลงเล่นเกมลีกเกมแรกที่พบกับ “โครินเธียนส์ เขาก็ยิงไปถึง 4 ประตู และต่อมาในฤดูกาล 1957 เปเล่ ก็ได้เป็นนักเตะตัวจริงของทีมชนิดถาวรด้วยวัยเพียง 16 ปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นดาวยิงสูงสุดของลีกด้วยเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล และ หลังผ่านการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพได้ไม่เท่าไร เปเล่ นักเตะวัยรุ่นยามนั้น ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ บราซิล ทันที
หลังจากเสร็จศึกฟุตบอลโลก 1962 มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปสนใจที่จะคว้าตัวเปเล่ ไปร่วมทีม แต่ทว่า ทางการบราซิล ก็ออกมาขัดขวางด้วยการประกาศว่า เปเล่ เป็นสมบัติของชาติ
ต่อมาในปี 1969 เปเล่ สามารถยิงประตูที่ 1,000 ให้กับตัวเองได้สำเร็จ ในเกมที่พบกับ “วาสโกดากาม่า ณ สนาม มารากาน่า สเตเดียม ซึ่งประตูนั้นได้มาจากการยิงจุดโทษ และหลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ในบ้านเกิด ในที่สุด เปเล่ ก็ได้ตัดสินใจเดินทางไปหาประสบการณ์ค้าแข้งในบั้นปลายชีวิตยังต่างแดนครั้งแรก ในปี 1975
1975-1977 : นิวยอร์ก คอสโมส
ในปี 1975 เปเล่ ยุติชีวิตค้าแข้งเป็นเวลากว่า 20 ปี กับทีม ซานโต๊ส และตัดสินใจเซ็นสัญญาร่วมทีม นิวยอร์ค คอสโมส ในลีกทวีปอเมริกาเหนือ (เอ็นเอเอสแอล) โดยแม้ว่า เปเล่ จะผ่านช่วงสุดยอดของเขามาแล้ว แต่ยอดนักเตะชาวบราซิเลี่ยนผู้นี้ ก็ยังคงเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนในสหรัฐฯ ไม่น้อย นอกจากนี้ เขายังสามารถพาทีมต้นสังกัด คว้าแชมป์ลีกได้ในปี 1977 ในฤดูกาลค้าแข้งปีที่ 3 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในชีวิตนักเตะอาชีพของเขา อีกด้วย
ทีมชาติบราซิล
เปเล่ ลงเล่นเกมทีมชาติบราซิลนัดแรก ในวันที่ 7 กรกฏาคม 1957 ซึ่งเป็นเกมที่พบกับ “อาร์เจนติน่า และเขาก็ทำประตูได้ด้วย ต่อมา ในปี 1958 เปเล่ กลายเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดในโลกที่คว้าแชมป์โลก ด้วยวัยเพียง 17 ปีหลังเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่เอาชนะ “สวีเดน เจ้าตัวยิง 2 ประตูในนัดชิง ให้ แซมบ้า ชนะสวีเดน 5-2 ที่กรุงสต๊อคโฮล์ม จากนั้นก็เล่นเกมฟุตบอลโลกกับ บราซิล อีก 3 สมัยในปี 1962,1966 และ 1970 ซึ่งพาบราซิลคว้าแชมป์โลกอีก 2 ครั้งคือปี 1962 และ 1970
ในทัวร์นาเมนต์ปี 1962 และ 1966 เปเล่เจ็บปวดใจมากที่ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนหลังโดนนักเตะ “เม็กซิโก เข้าบอลโหดใส่และทัวร์นาเมนต์ 1970 ที่เม็กซิโก คือทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของเปเล่ อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคดีที่ปี 1970 บราซิล นับว่ามีทีมที่ดีที่สุดในช่วงนั้นพอดีประกอบไปด้วยนักเตะดังๆระดับดาวอย่าง “ริเวลิโน่,“แจร์ซินโญ่ และ โตส์เตา ได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดของบราซิล และพาแซมบ้าชนะ อิตาลี สำเร็จ 4-1 ในปีนั้น โดยเปเล่ ยิง 1 จ่าย 1 ให้กับ แจร์ซินโญ่ เป็นการคว้าแชมป์โลกที่น่าประทับใจที่สุดของบราซิล และในปี 1972 เปเล่ ตัดสินใจหันหลังให้กับทีมชาติบราซิล เป็นการถาวร
ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด
หลังหันหลังให้กับชีวิตค้าแข้ง เปเล่ ก็ได้ไปทำหน้าที่งานฑูตให้กับหลายองค์กร โดยในปี 1992 เขาได้รับการแต่งตั้งจากสหประชาช าติ ให้เป็นฑูตเกี่ยวกับระบบนิเวศ และ สิ่งแวดล้อม และต่อมาในปี 1995 เขาก็ได้รับเหรียญเกียรติยศเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงและทำคุณประโยชน์ในวงการกีฬาให้กับประเทศบราซิล รวมถึง เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่รัฐมนตรีพิเศษให้กับกระทรวงกีฬาบราซิล นอกจากนี้ องค์การยูเนสโก้ ก็ยังได้แต่งตั้งให้ เปเล่ เป็นฑูตพิเศษของ ยูเอ็น อีกด้วย
ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ร่างกฎหมายข้อบังคับเพื่อลดการคอร์รัปชั่นในวงการฟุตบอลบราซิล ซึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักดีในชื่อว่า " “กฏหมายของเปเล่" เขาก็ได้ตัดสินใจยุติบทบาทดีกล่าว ในปี 2001 หลังจากเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนกับการคอร์รับชั่น อย่างไรก็ดี ในปี 1997 เปเล่ ได้รับรางวัลเกียรติยศ British knighthood จากสหราชอาณาจักร
ในปี 2002 เปเล่ เคยมารับจ๊อบเป็นแมวมองให้กับ “ฟูแล่ม ทีมในพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ และในปี 2006 เขาก็ได้รับเลือกให้ไปเป็นผู้จับสลากแบ่งกลุ่มในรายการ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมัน เป็นเจ้าภาพ อีกด้วย นอกจากนี้ ชีวิตของ เปเล่ ยังได้ถูกนำไปเผยแพร่ยังสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง หนังสือพิมพ์, แม็กกาซีน, นิตยสาร รวมถึง ในรายการโทรทัศน์ และ ภาพยนตร์ ต่างๆ อีกด้วย
เกียรติประวัติที่เคยได้รับ
ระดับสโมสร
ซานโต๊ส
Campeonato Paulista: 1958, 1960, 1961, 1962, 1964, 1965, 1967, 1968, 1969 and 1973
Torneio Rio-São Paulo: 1959, 1963 and 1964
Torneio Roberto Gomes Pedrosa (Taça de Prata): 1968
Taça Brasil: 1961, 1962, 1963, 1964 and 1965
Copa Libertadores: 1962 and 1963
Intercontinental Cup: 1962 and 1963
South-American Recopa: 1968
นิวยอร์ค คอสโมส
NASL Champions: 1977
ทีมชาติบราซิล
FIFA World Cup: 1958, 1962, 1970
Roca Cup: 1957, 1963
ระดับส่วนตัว
- Footballer of the Century : 2000
- Laureus World Sports Awards : 2000
- BBC Sports Personality of the Year Lifetime Achievement Award : 2005





วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก /ดาวอร์ ซูเคอร์/ "ศูนย์หน้าตราหมากรุก"




สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)