วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/อาลี เดอี/ศูนย์หน้าติดหนวดจอมถล่มสกอร์

อาลี ดาอี
อาลี ดาอี เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 1969 เป็นกัปตันทีมชาติอิหร่าน และเป็นนักฟุตบอลอิหร่านที่โด่งดังเขาได้รับการจดจำจากคนส่วนใหญ่ในฐานะนักเตะที่ยิงประตูในระดับทีมชาติได้มาก ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่สุดในโลก
หลังเกิดสงคราม อีรัก-อิหร่าน ซึ่งยืดเยื้อถึง 8 ปี วงการฟุตบอลของพวกเขาก็ถึงช่วงตกต่ำสุดขีด แต่การแจ้งเกิดของ ดาอี ก็ทำให้แวดวงลูกหนังของอิหร่านกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ดาอี ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1993 ในเกมกับ ปากีสถาน ซึ่ง อิหร่าน ชนะถึง 5-0 แต่เขาต้องรออีก 19 วันเพื่อที่จะประเดิมประตูแรกให้กับทีมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1993 และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาหยุดยั้งการพังประตูของหัวหอกรายนี้ได้ ดาอี มีสถิติการทำประตูในเกมระดับทีมชาติอย่างเหลือเชื่อ จากการซัดได้ถึง 109 ประตูจาก 145 นัด ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 0.75 ประตูต่อเกมเลยทีเดียว
ขณะที่ในระดับสโมสร ศูนย์หน้าติดหนวดไปหาความท้าทายในบุนเดสลีกากับยอดสโมสรอย่าง บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 1998 ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูการค้าแข้งในเยอรมันให้กับบรรดานักเตะอิหร่านราน อื่นๆ ทั้ง เมห์ดี้ มาห์ดาวิเคีย ที่เล่นกับ ฮัมบูร์ก, วาฮิด ฮาชิเมียน กับ ฮันโนเวอร์ 96 และ อาลี คาริมี่ กับ บาเยิร์น
หลังจากไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรกับ เสือใต้ ดาอี ก็ย้ายไปเล่นกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และกลายเป็นนักเตะอิหร่านคนแรกที่พังประตูได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเขาซัด 2 ประตูในเกมกับ เชลซี และอีกประตูในเกมกับ เอซี มิลาน
ดาอี ย้ายไปเล่นในลีกยูเออีหลังจากนั้น ก่อนกลับมาบ้านเกิดในปี 2003 และยังรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยกดไปถึง 36 ประตูในโปรลีกของอิหร่าน หัวหอกตัวเก่งไม่เคยหมดไฟในการเล่น แม้วัยล่วงเลยถึง 37 ปีแล้ว และความเร็วถดถอยลง แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเลิกเล่นให้กับทีมชาติ ซึ่งมีแฟนบอลบางส่วนมองว่าเป็นการเห็นแก่ตัว เนื่องจากปิดโอกาสแจ้งเกิดของบรรดาผู้เล่นดาวรุ่ง
ดาอี มีโอกาสพิสูจน์ความเก่งกาจของเขาอีกครั้ง ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน แต่ไม่เป็นไปตามหวัง เขาทำประตูไม่ได้เลย ปิดฉากการค้าแข้งอย่างแสนเศร้า
                                    

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/ซามูเอล คุฟฟูร์/สุดยอดกองหลังแห่งทีมดาวดำ

- ซามูเอล คุฟฟูร์ (ทีมชาติกาน่า) ตำแหน่งกองหลัง
 คุฟฟูร์ เริ่มต้นการค้าแข้งในทวีปยุโรปด้วยวัยเพียง 15 ปี หลังจากถูก โตริโน่ ทีมเมืองมะกะโรนี ดึงตัวมาร่วมทีมเนื่องจากประทับใจผลงานของเจ้าตัวในการแข่งขันฟุตบอลท้องถิ่นระดับเยาวชนของ กาน่า ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ในอีก 2 ปี ต่อมา คุฟฟูร์ ระเบิดฟอร์มสุดยอดกับ "เสือใต้" โดยในช่วงเวลา 12 ปี ในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า เขานำ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัย และ เดเอฟเบ โพคาล อีก 4 ครั้ง โดยเจ้าตัวได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของทวีปแอฟริกา พร้อมทั้งเคยคว้ารางวัลนักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปี 2001 ของ บีบีซี คุฟฟูร์ ประสบความสำเร็จสูงสุดสมัยค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงระหว่างปี 1993-2005 ได้แชมป์ลีก7 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 4 สมัย, เยอรมัน ลีกคัพ 5 สมัย และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย หลังจากนั้น คุฟฟูร์ ก็ย้ายไปเล่นในกัลโซ่ ซีรี่ส์อา กับทีมหมาป่า โรม่า และถูกสโมสรต้นสังกัดปล่อยให้ทีม อาแจ็กส์ อัมสเตอร์ดัม ยืมตัวไปเล่นแต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้จนสัญญาหมดลงจึงตัดสินใจแขวนสตั๊ด แม้จะมีทีมจากลีก ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย ยื่นความจำนง อยากได้ตัวไปร่วมทีมก็ตาม จึง ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการลูกหนังเมื่อออกมาประกาศแขวนสตั๊ด ด้วยวัย 32 หลังสัญญาหมดลงกับต้นสังกัด ซามูเอล คุฟฟูร์โด่งดังในช่วงปี1993-2006เมื่อเขาตัดสินใจที่จะแขวนสตั๊ดลง

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/ดีเอโก้ มาราโดน่า/เสือเตี้ยแห่งฟ้าขาว

เดียโก มาราโดนา


เดียโก มาราโดนา
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เดียโก อาร์มันโด มาราโดนา                   
วันเกิด 30 ตุลาคม ค.ศ. 1960 (53 ปี)
สถานที่เกิด ลานุส ประเทศอาร์เจนตินา
ส่วนสูง 1.65 ม. (5 ฟุต 5 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก / กองหน้าตัวต่ำ
เดียโก อาร์มันโด มาราโดนา (สเปน: Diego Armando Maradona; ออกเสียง [ˈdjeɣo maɾaˈðona]) เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1960 ในเมืองลานุส ชานกรุงบัวโนสไอเรส เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา และปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา เขาถือเป็น 1 ในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง เขาได้รับการลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรก กับรางวัลผู้เล่นฟีฟ่าแห่งศตวรรษ โดยได้รับร่วมกับเปเล่[1][2][3]

นักฟุตบอลอาชีพ

ในบทบาทนักฟุตบอลอาชีพ มาราโดนาเล่นให้กับสโมสรอาร์เคนตีโนสจูเนียส์, โบกาจูเนียส์, บาร์เซโลนา, นิวเอลล์โอลด์บอยส์ และนาโปลี ยังสร้างสถิติในเรื่องค่าสัญญาในระดับนานาชาติ เขาเล่นให้กับทีมอาร์เจนตินา 91 นัด ทำประตู 34 ประตู เขาเล่นในฟุตบอลโลก 4 ครั้ง โดยในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 เขานำทีมอาร์เจนตินาชนะทีมเยอรมันตะวันตกในรอบสุดท้าย และยังได้รับรางวัลลูกบอลทองคำในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยม ในการแข่งครั้งนี้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เขาทำคะแนน 2 ประตู จากผล 2-1 เหนือทีมอังกฤษ โดยในประตูแรกเป็นที่รู้จักในชื่อ "ประตูหัตถ์พระเจ้า" ในขณะที่ประตูที่ 2 เป็นการครองลูกระยะ 60 เมตร เลี้ยงหลบผู้เล่นอังกฤษ 6 คน จนได้รับขนานนามว่า "ประตูแห่งศตวรรษ"
จากหลายเหตุผล ทำให้มาราโดนาเป็น 1 ในนักกีฬาที่มีข้อขัดแย้งและเป็นที่ต้องการของนักข่าวมากที่สุดคนหนึ่ง เขาถูกพักการเล่นฟุตบอลเป็นเวลา 15 เดือนในปี ค.ศ. 1991 หลังจากตรวจพบว่าเขาเสพโคเคนในประเทศอิตาลี และถูกส่งกลับบ้านในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกาหลังจากตรวจพบใช้สารอีเฟดรีน  
           
หลังจากที่เขาเกษียณจากการเป็นนักเตะฟุตบอลในวันครบรอบอายุ 37 ปี ในปี ค.ศ. 1997[4] เขาทนทุกข์อาการป่วยมากขึ้นและน้ำหนักเพิ่ม และยังติดโคเคนอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 2005 หลังจากผ่าตัดท้องช่วยทำให้เขาควบคุมเรื่องน้ำหนักได้ หลังจากชนะจากการติดโคเคนได้เขาเป็นพิธีกรรายการชื่อดังในอาร์เจนตินา[5]

ผู้จัดการทีมฟุตบอลอาชีพ

มาราโดนาเคยรับงานคุมทีมอูร์รากัน (Hurracan) ในดิวิชัน 1 อาร์เจนตินา แต่ทำทีมจนตกชั้นตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ทำงาน เมื่อปี ค.ศ. 2009 มาราโดนาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา แต่กลับทำทีมหมิ่นเหม่ต่อการตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 เคราะห์ยังดีที่อาร์เจนตินาเอาชนะอุรุกวัยไป ได้ 1-0 ในนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก จึงผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ได้สำเร็จ เป็นเหตุให้มาราโดนาต่อว่านักข่าวที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เขามาตลอด ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ลงโทษแบนเขาสองเดือนด้วยกัน[6] เดือนมิถุนายน 2010 มาราโดนานำทีมชาติอาร์เจนตินาสู้ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมนี 0-4
                                   

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/แกรทธ์ มุลเลอร์/ดาวยิงในตำนานของอินทรีเหล็ก

แกร์ฮาร์ท "แกร์ท" มึลเลอร์ (เยอรมัน: Gerhard "Gerd" Müller) ฉายา ไอ้ลูกระเบิด เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1945 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวเยอรมัน เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ทำประตูสูงสุด เขาทำสถิติยิงประตูในนัดทีมชาติ 68 ประตูในการลงแข่ง 62 นัด ยิงประตู 365 ประตูในบุนเดสลีกา มึลเลอร์ติดอยู่ในอันดับ 6 ของผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล เนื่องจากเขาลงแข่งนอกกว่าผู้เล่นอื่นใน 15 อันดับแรก เขามีส่วนร่วมอย่างมากในการทำให้ทีมเยอรมันเป็นแชมป์โลกในปี1974 ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผช.ผู้จัดการในทีมบาเยิร์น มิวนิคii

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/ดีโน่ ซอฟท์/ผู้รักษาประตูดีเป็นอันดับ2ของโลก


ดิโน ซอฟฟ์ (อิตาลี: Dino Zoff) เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1942 ที่เมือง Mariano del Friuli เป็นอดีตผู้รักษาประตูชาวอิตาลี และถือเป็นผู้ชนะที่อายุมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่เขาเป็นกัปตันทีมชาติอิตาลี ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน ขณะที่อายุ 40 ปี
ซอฟฟ์เป็นผู้รักษาประตูที่มีความโดดเด่นด้านความสามารถและเป็นหนึ่งใน ประวัติศาสตร์การกีฬาในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดนี้ ติดอันดับ 3 ของผู้รักษาประตูที่ยอดเยียมที่สุดในศตวรรษที่ 20 จัดโดย IFFHS ตามหลังเลฟ แยชินและกอร์ดอน แบงส์[1] เขายังถือสถิติเป็นผู้เล่นยาวนานในการรักษาประตูในการแข่งขันระดับนานาชาติ (1142 นาที) ในช่วงระหว่างปี 1972-1974 กับการแข่งขัน 112 นัด เขาเป็นที่ 3 รองจากฟาบิโอ คันนาวาโรและเปาโล มัลดีนี ในเรื่องจำนวนการแข่งขันให้กับฟุตบอลทีมชาติอิตาลี และในปี ค.ศ. 2004 เปเล่ให้เขาติดใน 125 อันดับนักฟุตบอลที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
หลังจากเขาเกษียณตัวเองในฐานะนักฟุตบอล ซอฟฟ์ทำหน้าที่โค้ชให้กับสโมสรฟุตบอลอิตาลีหลายทีมและให้กับทีมชาติด้วย

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/แฮรี่ คีเวลล์/ปีกซ้ายแห่งออสซี่

แฮร์รี่ คีเวลล์
Harry Kewell : มิดฟิลด์
ชื่อเล่น : -
วันเกิด : 22/09/1978
หมายเลขในทีม : 7
สูง: -
หนัก: -                                                                 
สโมสรเก่า : ลีดส์ ยูไนเต็ด
สถานที่เกิด : ซิดนีย์ , ออสเตรเลีย
เวปไซด์ : -

แฟนลิเวอร์พูลตั้งแต่วัยเยาว์ , แฮร์รี่ คีเวลล์ แต่งเติมความฝันของเขาโดยการเซ็นสัญญากับสโมสรที่แอนฟิลด์ในเดือนกรกฎาคม 2003 โดยการลาจากสโมสรคู่แข่งในพรีเมียร์ชิพ , ลีดส์ ยูไนเต็ด
ผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูล , เชราร์ อุลลิเยร์ ต่อสู้อย่างหนักเพื่อที่จะได้ใช้บริการของดาวดังออสเตรเลี่ยน ผู้ที่จะมาสร้างสีสันให้กับทีมลิเวอร์พูล
คีเวลล์ปฏิเสธข้อเสนอและเงินจำนวนมหาศาลจากสโมสรยักษ์ใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , อาร์เซนอล และเชลซี เพื่อเข้าร่วมทีมลิเวอร์พูล
แฮร์รี่เริ่มอาชีพนักฟุตบอลที่อะคาเดมี่ นิว เซาท์ เวลส์ ในออสเตรเลีย เมื่อเดือนสิงหาคม 1994 ก่อนที่เขาจะเป็นจุดสนใจของผู้จัดการทีมลีดส์ , ฮาวเวิร์ด วิลคินสัน และได้เข้าร่วมทีมที่เอลแลนด์ โร้ด ในปี 1996 ซึ่งวิลคินสันส่งให้คีเวลล์แจ้งเกิดครั้งแรกให้กับลีดส์ เมื่อเขาอายุได้ 17 ปี ในฐานะตัวสำรอง นัดที่พบกับมิ้ดเดิลสโบรห์
คีเวลล์กลายมาเป็นดาวดังคนสำคัญของลีดส์ และได้การยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ชิพ เขามีความสามารถหลากหลาย ทั้งการทำประตู , สร้างสรรค์สกอร์ , ฝีเท้าที่ว่องไว และสามารถโค่นกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้อย่างน่าทึ่ง
ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเขาในฐานะนัก เตะของลีดส์ , เป็นช่วงที่ลีดส์อยู่ภายใต้การควบคุมของ เดวิด โอเลียรี่ เมื่อแฮร์รี่มีชื่อติดรางวัล PFA นักฟุตบอลแห่งปี และนักเตะลีดส์แห่งปีในฤดูกาล 1999/2000             

ขณะนี้ นักเตะคนใหม่แห่งถิ่นแอนฟิลด์หมายเลข 7 ดูท่าว่าจะกลายมาเป็นฮีโร่เดอะค็อปไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาทำสกอร์แรกให้กับเดอะเร้ดส์ได้ในชัยชนะเหนือ เอฟเวอร์ตัน 3-0 ในเดือนกรกฎาคม ปี 2003
   ล่าสุด คีเวลล์ ออกมาประกาศเลิกเล่นแล้ว โดยสโมสรสุดท้ายคือ เมลเบิร์น ฮาร์ท "ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องโบกมือลาทุกคน แม้ว่าร่างกายยังยอดเยี่ยม แต่ต้อการแขวนสตั๊ดภายใต้สภาพที่พร้อมจะไปทำอย่างอื่นต่อนอกเหนือจากนัก ฟุตบอล ดังนั้นตอนนี้ผมสามารถทำอะไรก็ได้"
     
        อย่างไรก็ตาม คีเวลล์ จะลงเล่นเกมสุดท้ายให้กับ เมลเบิร์น ฮาร์ท วันที่ 12 เมษายนนี้เป็นการอำลาในศึก เอ-ลีก ของประเทศออสเตรเลีย
     
        โดยที่ผ่านมาติดทีมชาติ 56 นัดซัดไป 17 ประตูเคยไปลุย เวิลด์ คัพ มาแล้ว 2 หนคือปี 2006 และ 2010
credit : http://www.liverpoolthailand.com
                                                                     






วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/ฮิเดโตชิ นากาตะ/เพชรฆาตหน้าหยกแห่งแดนปลาดิบ

ฮิเดะโตะชิ นะกะตะ (ญี่ปุ่น: 中田英寿 Nakata Hidetoshi ?) เกิดวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2520 ที่เมืองโคฟุ จังหวัดยะมะนะชิ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ในตำแหน่งกองกลาง ฮิเดะเริ่มเล่นในนามทีมชาติในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1997
ในระดับสโมสรเค้าเริ่มเล่นให้กับทีมเบลมาเรฮิระสึกะ (ญี่ปุ่น) หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้กับทีมชั้นนำในประเทศอิตาลี อย่าง เปรูจา, โรม่า, ปาร์ม่า, โบโลญญา, ฟิออเรนติน่า และย้ายมาเล่นให้กับทีมโบลตัน ในปี 2005 กระทั่งหลังจบฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี เขาสร้างความประหลาดใจให้กับวงการฟุตบอล ด้วยการประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ในวัยเพียง 29 ปี เนื่องจาก หมดความท้าทายในการเล่นฟุตบอล ทั้งที่ยังสามารถเล่นได้อีกหลายปี และไม่ได้มีอาการบาดเจ็บหนักแต่อย่างใด
ในช่วงที่ยังค้าแข้ง ฮิเดะไม่ได้เป็นเพียงนักฟุตบอลอาชีพเท่านั้นเพราะในบางช่วงฮิเดะจะมีผลงานทางด้านบันเทิงออกมาให้แฟนบอลในประเทศญี่ปุ่น ได้ชม ทั้งการถ่ายแบบ และงานโฆษณา เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/คาร์ลอส วันเดอร์รามา/มิดฟิลด์หัวฟูทีมชาติโคลัมเบีย

กุลลิตขาว...
เกิดเมื่อวันที่ 9/2/1961
เล่นตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรุก
เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดของโคลัมเบีย

โดดเด่นขึ้นมาจากศึกโคปปา อเมริกาปี 1987 เมื่อพาโคลัมเบียพิชิตอันดับ 3 และถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของอเมริกาใต้ในปีนั้น

ลงเล่นฟุตบอลโลก 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยได้โชว์ฟอร์มโดดเด่นอะไรมาก

เค้าอำลาทีมชาติหลังจากจบฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่งโคลัมเบียตกรอบแรก 

         วัลเดอร์ราม่าสร้างผลงานให้แฟนบอลทั่วโลกต้องจดจำเอาไว้อย่างมาก มายในยุค 90 ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 90 ที่สหรัฐฯ หรือว่าฟุตบอลโลกที่อิตาลีในอีก 4 ปีถัดมา 
         ปัจจุบันในวัย 51 อดีตสตาร์ดังของโคลอมเบีย ยังคงติดตามเกมลูกหนังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกับทีมชาติของเขาที่กำลังจะกลับมาสู่ระดับแนวหน้าของโลกอีกครั้ง

 


  เขาชื่นชอบนักเตะสองคนนี้มากเป็นพิเศษ และใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งอยากจะถ่ายรูปร่วมกับพวกเขา พวกเขาสองคนนั้นหนึ่งคือมิดฟิลด์บาร์เซโลน่าและทีมชาติสเปน "อังเดรส อิเนสต้า"และอีกหนึ่งคือมิดฟิลด์หน้าหล่อรีลมาดริด และทีมชาติโปรตุเกส "คริสเตียโน โรนัลโด้"

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/แกรี่ ลินิเกอร์/มิสเตอร์ ไนท์กายแห่งอังกฤษ

“มิสเตอร์ ไนซ์ กาย”
แกรี่ ลินิเกอร์ แกรี่ วินส์ตัน ลินิเกอร์ เกิดเมื่อ 30 พฤศจิกายน 1960 ที่เลสเตอร์ เป็นปูชนียบุคคลที่ทรงคุณค่าที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษ ในบรรดากองหน้าอังกฤษรุ่นเดียวกันแล้ว ลินิเกอร์ ดูจะล้ำหน้ากว่าเพื่อนๆอยู่ก้าวนึงเสมอในทุกๆเรื่อง ด้วยความสามารถและเฉลียวฉลาดที่เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ติดตัวมา ทำให้ไม่ยากเลยที่ ลินิเกอร์ จะปรับตัวเข้ากับการค้าแข้งในต่างแดนอย่างไม่มีปัญหา เมื่อหลังเลิกเล่นบอล ลินิเกอร์ ยังสามารถทำอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นบันฑิตในวงการกีฬา พิธีกร หรือนักวิเคราะห์ต่างๆในเกมการแข่งขัน

                                              


   ลินิเกอร์แต่งงานกับแฟนสาว มิเชลล์ มีลูกชายถึง 4 คน โดยลูกชายคนโตโชคร้ายป่วยเป็นโลก ลูคิเมีย ตั้งแต่ยังเด็ก ช่วงนั้น ลินิเกอร์ พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตลูกชาย รวมถึงเป็นนายแบบโฆษณารณรงค์ให้ประชาชนบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคนี้ ลินิเกอร์ เป็นหนุ่มรักอิสระเป็นคนมีอุปนิสัยน่ารัก ขยันขันแข็งตอนเด็กๆทำงานช่วยครอบครัวที่โรงเลี้ยงสัตว์จัดเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งในเมืองเลสเตอร์
     แต่เส้นทางชีวิตนักเตะแข้งของของ ลินิเกอร์ เริ่มต้นกับสโมสรเล็กๆในบ้านเกิด เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 1976 ตอนแรกเล่นให้กับสถาบันปั้นเด็กของสโมสรก่อนจะถีบตัวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ในปี 1978 ชีวิตผกผันอีกครั้งเมื่อมาอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน (ฤดูกาล 1985-86) ยิงไป 40 ประตูในการลงสนาม 42 เกม ก่อนจะโดนยักษ์ใหญ่เจ้าบุญทุ่มแห่งสเปนอย่าง บาร์เซโลนา เซ็นสัญญาคว้าตัวไปร่วมทีม ซึ่งทำให้ ลินิเกอร์ ได้สัมผัสแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1989 หลังจากนั้นก็ได้กลับสู่บ้านเกิดอังกฤษ อยู่กับสเปอร์ส ยิงไป 67 ประตูในการลงสนาม 105 เกม รวมถึงคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ก่อนจะจบอาชีพค้าแข้งพร้อมๆกับอาการบาดเจ็บใน J-ลีก กับ นาโยกะ แกรมปัส เอต 
                                               

        กับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ลินิเกอร์ มีโอกาสรับใช้ครั้งแรกในเกมกับ สก็อตแลนด์ ปี 1984 คว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลโลกปี 1986 ตามด้วยพาทีมผ่านเข้าถึงรอบเซมิ ไฟนัล ในทัวร์นาเมนต์ถัดมาปี 1990 ลินิเกอร์ ประกาศอำลาทีมชาติ หลังลงเตะไปเพียง 80 เกม ยิง 48 ประตู ซึ่งน้อยกว่าสถิติทีมชาติอังกฤษของ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เพียงไม่กี่ประตูเท่านั้น (ชาร์ลตัน เตะมากกว่า 26 เกม) ในปี 1986 ลินิเกอร์ ได้รับโหวตจากเพื่อนร่วมอาชีพให้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หลังจากตลอดชีวิตค้าแข้งนักเตะรายนี้ไม่เคยโดนใบเหลืองเตือนจากผู้ตัดสินแม้แต่ใบเดียว จนได้รับฉายาว่า มิสเตอร์ ไนซ์ กาย หลังจากรีไทร์จากการเล่นฟุตบอลอาชีพ ลินิเกอร์ หันมาเอาดีด้านสื่อ เป็นบันฑิตวิจาร์เกมการแข่งขัน ก่อนจะก้าวขึ้นมาแทน เดส ไลแนม ในฐานะ ผู้ประกาศข่าวตัวหลักทาง บีบีซี รวมเกี่ยวกับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลในวันที่จะมีการแข่งขัน รวมถึงเป็นกัปตันทีมของ รายการเกมโชว์ชื่อดังอย่าง “They Think It's All Over” ตั้งแต่เมื่อปี 1995 จนถึงปี 2003

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/จอร์จอร์ส คารากูนิส/หนึ่งในนักเตะชุดเทพนิยายปี2004


จอร์จอส คารากูนิส กองกลางกัปตันทีมชาติกรีซ 



วัย 35 ปี เกิดเมื่อ 6 มี.ค. 1977 ความสูงเพียง 175 ซ.ม. ขยัน อ่านเกมดี เช่นเดียวกับการยิงไกล 







คารากูนิสเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ชุดแชมป์ยูโร2004 มาแล้ว โดยเฉพาบการณ์สูง เป็นฮีโร่ของะนัดเปิดสนามกับเจ้าภาพโปรตุเกส เขายิงประตูชัย กรุยทางสู่แชมป์ในปีนั้นได้สำเร็จ



เป็นหนึ่งในตำนานทีมเทพนิยายอย่างกรีซ ที่กลับมาสร้างชื่อให้กับแฟนบอลกรีซ



ผ่านประสบการณ์ในฟุตบอลลีกยุโรปกับทีมอินเตอร์ มิลาน ของอิตาลี และเบนฟิก้า ของโปรตุเกสมาแล้ว 


เคยเล่นอยู่กับทีมพานาธิไนกอส ยักษ์ใหญ่ของกรีซ และฟูแล่มในอังกฤษ



ครองสถิติติดทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลกรีซ จำนวน 120 นัด เท่ากับธีโอ ซาโกราคิส อดีตกัปตันทีมชุดแชมป์ยูโร 2004 



ติดทีมชาติ 120 นัด ยิง 9 ลูก

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/อีวาน ซาโมเรโน่/ดาวยิงทีมชาติชิลี

อิวาน หลุยส์ ซาโมราโน่ ซาโมร่า อดีตหัวหอก อินเตอร์ มิลาน วัย 43 ปี เป็นตำนานนักเตะของชิลี เพราะช่วยให้ประเทศได้เหรียญทองแดงโอลิมปิกปี 2000 โดยเขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของการแข่งขัน เจ้าตัวค้าแข้งใน จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ช่วงปี 1996-2000 ช่วยให้คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ปี 1998 และรองแชมป์ปี 1997 ปัจจุบันงานหลักคือผู้ช่วยโค้ชทีมชาติชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อปูทางก่อนเป็นกุนซือชุดใหญ่ในอนาคต ยามว่างก็ช่วยเป็นแมวมองเสาะหานักเตะดาวรุ่งในอเมริกาใต้ให้กับทีม "งูใหญ่"