ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : หลุยส์ เฟลิเป้ มาไดร่า คาไรโร่ ฟิโก้(ลูอิช ฟิกู)
วันเกิด : 4 พฤศจิกายน 1972
สถานที่เกิด : อัลมาดา, โปรตุเกส
สัญชาติ : โปรตุเกส
ส่วนสูง : 1.80 เมตร (5 ฟุต 11 นิ้ว)
สโมสร : อินเตอร์ มิลาน
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เบอร์เสื้อ : 7
หลุยส์ ฟิโก้
คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลกในรอบสิบปีที่ผ่านมา
เขาคือเจ้าของตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมยุโรปในปี 2000
และผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าในปี 2001 ด้วยความสามารถในการลากเลื้อย และการผ่านบอลอย่างสุดเฉียบ รวมถึงการทำสกอร์ในแถวสองได้ดี
วันเกิด : 4 พฤศจิกายน 1972
สถานที่เกิด : อัลมาดา, โปรตุเกส
สัญชาติ : โปรตุเกส
ส่วนสูง : 1.80 เมตร (5 ฟุต 11 นิ้ว)
สโมสร : อินเตอร์ มิลาน
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เบอร์เสื้อ : 7
เริ่มต้นนักฟุตบอลอาชีพ

1989-1995 : สปอร์ติ้ง ลิสบอน
ฟิโก้ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังในประเทศบ้านเกิด และถูกเรียกตัวติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในปี
1991
ก่อนหน้านั้นเขาเป็นสมาชิกของทีมเยาวชนโปรตุเกสชุดที่คว้าแชมป์โลกชุดอายต่ำ
กว่า 20 ปีร่วมกับเพื่อนร่วม "โกลเด้น เจเนอเรชั่น" อย่าง รุย คอสต้า, เจา
ปินโต และ เปาโล ซูซ่า
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตนักฟุตบอลของ
ฟิโก้ เกิดขึ้นในปี 1995
เขาได้รับความสนใจจากบรรดาทีมชั้นนำในยุโรปแต่เรื่องยุ่งยากก็เกิดขึ้น
เมื่อเขาไปเซ็นสัญญาซ้ำซ้อนกับ ยูเวนตุส และ ปาร์ม่า พร้อมๆ
กันทำให้ให้ถูกสั่งลงโทษไม่ให้ย้ายไปเล่นในอิตาลีเป็นเวลาสองปี
ส่งผลให้ทีมที่คว้าตัวเพชรเม็ดงามอย่างเขาไปครอบครองก็คือ บาร์เซโลน่า
นั่นเอง
1995-2000 : บาร์เซโลน่า
ภายใต้การดูแลของ โยฮันส์ ครัฟฟ์ เพียงชั่วเวลาเพียงแค่ 4 ปี ฟิโก้ ก็กลายเป็นนักเตะขวัญใจแฟนบอลแและกัปตันทีมของสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลัน โดยเขาร่วมคว้าแชมป์ ลา ลีกา และแชมป์ โคปา เดล เรย์ กับทีมได้อย่างละ 2 สมัย
ฟิโก้
ไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นตำแหน่งปีกชั้นนำเท่านั้น
แต่เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกด้วยความสามารถในการเลี้ยงบอล
ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และสถิติจำนวนการเปิดป้อนให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู
(ฟิโก้
เคยกล่าวว่าเขาชื่นชอบที่จะเป็นผู้ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูมากกว่ายิงเอง)
2000-2005 : เรอัล มาดริด
ในปี 2000
ชื่อของเขาก็กลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลสเปน เมื่อ รีล มาดริด จ่ายเงินถึง 56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,240 ล้านบาท)
และนั่นทำให้เขาเป็นนักเตะที่โด่งดังที่สุดเท่าที่เคยมีการโยกย้ายระหว่าง
สโมสรทั้งสอง
นอกจากนี้มันยังส่งผลให้เกิดความเกลียดชัง
อย่างบ้าคลั่งจากแฟนบอลของ บาร์ซ่า ที่มีต่อตัว ฟิโก้ เองด้วย
จากอดีตปีกขวัญใจอันดับหนึ่ง ฟิโก้ กลับกลายเป็นคนที่แฟนบอลในถิ่น คัมป์ นู
เกลียดชังมากที่สุดและถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศและเห็นแก่เงิน
หนึ่งในภาพเหตุการณ์ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
ก็คือในระหว่างเกม ยูโร 2004 รอบชิงชนะเลิศที่ ฟิโก้
ลงเล่นให้โปรตุเกสพบกับกรีซ แฟนบอลคนหนึ่งได้วิ่งลงมาในสนามตรงมาหา ฟิโก้
และขว้างผ้าผืนหนึ่งมาที่ตัวเขา
ผ้าผืนดังกล่าวก็คือธงเชียร์ของสโมสรบาร์เซโลน่านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้การย้ายทีมของเขาจะเต็มไปด้วยเรื่องราวอื้อฉาวที่ตามมามากมาย แต่
ฟิโก้ ก็แสดงให้เห็นว่านั่นไม่ใช่การตัดสินใจผิด
เมื่อเขาร่วมคว้าแชมป์ได้กับทีมราชันชุดขาวมากมายหลายรายการ
โดยเฉพาะในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลที่เขารอคอยมานาน
นอกจากนี้เขายังมีช่วงปีที่ดีที่สุดเมื่อ
คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป
และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่ามาครองในปี 2000 และ 2001 ตามลำดับ
ฟิโก้ เล่นอยู่กับ รีล มาดริด จนกระทั่งในปี 2005
เขาก็ย้ายไปเล่นในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน

2005-ปัจจุบัน : อินเตอร์ มิลาน
ในฤดูกาลแรก กับ อินเตอร์ มิลาน ฟิโก้
ลงสนามไปทั้งสิ้น 34 นัด และช่วยให้ทีมปิดฉากซีซั่น
ด้วยการรั้งตำแหน่งอันดับ 3 ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อย่างไรก็ตาม
ในเวลาถัดมา "งูใหญ่" ก็ถูกประกาศให้ความแชมป์ สคูเต็ตโต้ แทนที่
แชมป์ในปีนั้น อย่าง ยูเวนตุส หลังพบว่า ทีม "ม้าลาย"
ทำการตกแต่งผลการแข่งขัน และโดนปรับตกชั้นไปเล่นในเซเรีย บี เช่นเดียวกับ
อันดับ 2 อย่าง เอซี มิลาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงถูกตัดแต้ม 30
คะแนน
ในปี 2006-2007 ฟิโก้ ลงเล่นให้ อินเตอร์
ไป 32 นัด ทำได้ 2 ประตู แต่นั่นก็ดีพอที่จะช่วยให้ทีม ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์
ได้อย่างยิ่งใหญ่แบบไร้ข้อกังขา ด้วยการทำแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2
ชนิดไม่เห็นฝุ่น พร้อมกับทำ
สถิติชนะรวดติดต่อกันถึง 17 นัดอีกด้วย
ในเดือนธันวาคม 2006 ฟิโก้ ตกเป็นข่าวว่าย้ายไปเล่นให้กับ ทีม อัล-อัตติฮัด ทีมดังของ ซาอุดิอาระเบีย
โดยทั้งสองฝ่ายจ่อที่จะบรรลุข้อตกลงกันอยู่แล้ว แต่
ทุกอย่างก็ล้มเลิกกลางคัน เมื่อ ฟิโก้ เปลี่ยนใจที่จะยังคงค้าแข้งกับ
อินเตอร์ ต่อไป จนหมดสัญญาในปี 2007-2008
เข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ฟิโก้
ยังคงตกเป็นข่าวกับทีม อัล-อัตติฮัด เช่นเดิม
แต่ทุกอย่างก็ยังไม่มีความชัดเจน แต่จากรายงานล่าสุด ได้ออกมาระบุว่า ฟิโก้
เริ่มมีความสนใจที่จะย้ายไปค้าแข้งในเมเจอร์ลีกสหรัฐฯ หลังหมดสัญญากับทีม
"งูใหญ่" ในวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 2008 อย่างไรก็ตาม ฟิโก้ ก็ได้ออกมาเผยว่า
เขาจะยังคงฝากอนาคตอยู่กับ อินเตอร์ ต่อไป

ทีมชาติโปรตุึเกส (1991-2006)
กับทีมชาติโปรตุเกสนั้น
นับตั้งแต่ถูกเรียกเข้าสู่ทีมด้วยวัยเพียง 19 ปี ฟิโก้
ก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมเรื่อยมา
และนำทีมลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญทั้งใน ยูโร 96, ยูโร 2000 จนมาถึงศึก ยูโร 2004 ซึ่งโปรตุเกสลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง
และในวัย 32 ปี ฟิโก้
ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่กัปตันทีม
ก็นำทีมชาติโปรตุเกสฝ่าฟันกับแรงกดดันที่ต้องแบกรับไว้มากมายผ่านเข้าไปเล่น
ในรอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด
ทว่าความผิดหวังจากการพ่ายแพ้ต่อทีมชาติกรีซในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ ฟิโก้
ตัดสินใจประกาศอำลาทีมชาติหลังการแข่งขันจบลง
หนึ่งปีหลังจากนั้น เมื่อ ฟิโก้
เริ่มไม่มีความสุขในการลงเล่นกับทีมต้นสังกัด (รีล มาดริด)
ทำให้เขาหวนกลับมานึกถึงการรับใช้ชาติอีกครั้ง และในที่สุด หลุยส์ เฟลิเป้
สโคลารี่ ก็เรียกเขาคืนสู่ทีมชาติเพื่อช่วยทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งเทรนเนอร์ชาวบราซิลให้
ความเห็นว่านักเตะที่ยิ่งใหญ่อย่าง ฟิโก้ ไม่ได้มีดีแค่ฝีเท้าเท่านั้น
แต่คุณสมบัติความเป็นผู้นำและประสบการณ์อื่นๆ
ที่เขาจะมอบให้กับรุ่นน้องคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทีมชาติโปรตุเกสประสบ
ความสำเร็จได้
และ ฟิโก้
ก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลที่เฝ้ารอคอยผิดหวัง
เขากลับมาช่วยให้ทีมผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปเล่นที่ฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศ
เยอรมันได้ด้วยสถิติอันยอดเยี่ยม โดยในการกลับมาลงสนาม ทั้ง 8
นัดของเขานั้น ทีมฝอยทองคว้าชัยชนะได้ถึง 7 เกม เสมอไปเพียง 1 เกมเท่านั้น
ฟิโก้ สวมปลอกแขนกัปตันทีม นำทัพ โปรตุเกส
ลงทำศึกฟุตบอลโลก 2006
และเขาก็มีส่วนสำคัญพาทีมผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
ก่อนที่จะหยุดเส้นทางไว้แค่นั้น หลังจากพ่ายให้กับ ฝรั่งเศส
ไปอย่างน่าเสียดาย 0-1 และในรอบชิงที่ 3 ทีมก็ต้องไปพ่ายให้ักับ เยอรมัน
0-2 อย่างไรก็ตาม
นี่ก็ถือเป็น เลยผลงานที่ดีที่สุึดของโปรตุเกสในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลก
นับตั้งแต่ปี 196ุ6ทีเดียว
ขีวิตส่วนตัว
ฟิโก้ แต่งงานกับ เฮเลน สเวดิน
นางแบบสาวชาวสวีดิช โดยทั้งคู่ พบกับที่ งานแสดงแฟนชั่นโชว์ที่ ฟลาเมงโก้
และตอนนี้ ทั้ง ฟิโก้ และ เฮเลน มีลูกสาวด้วยกัน 3 คน ได้แก่ดาเนียลลา
(เกิด มีนาคม 1999), มาร์ติน่า (เกิดเมษายน 2002) และ สเตลล่า (เกิด 9
ธันวาคม 2004) อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังมีแผนที่จะปั้มลูกคนที่ 4 อีกด้วย
เกียรติยศที่เคยได้รับ
ระดับสโมสร
สปอร์ติ้ง ลิสบอน
คัพ ออฟ โปรตุเกส : 1995
คัพ ออฟ โปรตุเกส : 1995
บาร์เซโลน่า
ลา ลีกา : 1998,1999
โคปา เดล เรย์ : 1997, 1998
ซูเปอร์ โคปา เดอ เอสปันญ่า : 1996
ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ : 1997
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 1997
โคปปา คาตาลันยา : 2000
เรอัล มาดริดลา ลีกา : 1998,1999
โคปา เดล เรย์ : 1997, 1998
ซูเปอร์ โคปา เดอ เอสปันญ่า : 1996
ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ : 1997
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 1997
โคปปา คาตาลันยา : 2000
ลา ลีกา : 2001, 2003
ซูเปอร์ โคปา เดอ เอสปันญ่า : 2001, 2003
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 2002
อินเตอร์คอนทิวเน่นทัล คัพ : 2002
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 2002
อินเตอร์ มิลาน
กัลโช เซเรีย อา : 2006, 2007, 2008
โคปปา อิตาเลีย : 2006
อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ : 2005, 2006, 2008
ทีมชาติโปรตุเกส
2006 FIFA World Cup: อันดับ 4
UEFA Euro 2004 : รองแชมป์
FIFA U-20 World Cup - 1989
2006 FIFA World Cup: อันดับ 4
UEFA Euro 2004 : รองแชมป์
FIFA U-20 World Cup - 1989
FIFA U-20 World Cup - 1991
รางวัลส่วนตัว
ผู้เล่นชาวยุโรปยอดเยี่ยม 2000
ผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่า : 2001, อันดับ 2 : 2000
นักฟุตบอลโปรตุเกสยอดเยี่ยม : 1995, 1996, 1997, 1998, 1999, 2000
บอลทองคำ(ของชาวโปรตุเกส) : 1994
ติดยูฟ่าทีมออฟเดอะเยียร์ : 2003
ติดทีมออลสตาร์ฟุตบอลโลก : 2006
ผู้เล่นชาวยุโรปยอดเยี่ยม 2000
ผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่า : 2001, อันดับ 2 : 2000
นักฟุตบอลโปรตุเกสยอดเยี่ยม : 1995, 1996, 1997, 1998, 1999, 2000
บอลทองคำ(ของชาวโปรตุเกส) : 1994
ติดยูฟ่าทีมออฟเดอะเยียร์ : 2003
ติดทีมออลสตาร์ฟุตบอลโลก : 2006
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น