วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตำนานสตาร์ลิเวอร์พูล/Louise Suarez/I will remember you!!!(1)

ลุยส์ อัลเบร์โต ซัวเรซ ดีอัซ (สเปนLuis Alberto Suárez Díaz) เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1987 ที่เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย เป็นนักฟุตบอลชาวอุรุกวัย ตำแหน่งที่เขาเล่นคือ กองหน้า
ซัวเรซ เกิด ณ เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย ไม่นานนักครอบครัวได้ย้ายมาตั้งรกรากที่กรุงมอนเตวิเดโอ ที่นี่เองที่เด็กชายเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของมารดาเพียงลำพัง ร่วมกับพี่น้อง 6 คน ต่อมา ในปี ค.ศ. 2005 ซัวเรซ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรนาซีโอนัลในกรุงมอนเตวิเดโอ สโมสรที่ซัวเรซเล่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน เมื่ออายุถึง 19 ปี เขาจึงย้ายสโมสรเป็นครั้งแรกไปสู่สโมสรฟุตบอลโครนิงเงิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2006 และย้ายทีมอีกครั้งในปี 2007 ไปยังสโมสรชื่อดัง อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ในฤดูกาล 2008-09 ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร และทำประตูเป็นดาวซัลโวของสโมสร ถึงแม้ว่าจะถูกทำโทษเนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม และได้รับถึง 7 ใบเหลืองในฤดูกาลเดียว ในฤดูกาลนี้ เขายังได้เป็นกัปตันของอายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ยิง 35 ประตู จาก 33 นัด ในลีก ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเนเธอร์แลนด์ ยิงรวมทุกถ้วย 49 ประตู ในฤดูกาล 2010-11 เขายิงให้อายักซ์ อัมสเตอร์ดัมครบ 100 ลูก ทำผลงานเทียบชั้นตำนานของสโมสร อาทิ โยฮัน ไกรฟฟ์มาร์โก ฟัน บัสเติน และแด็นนิส แบร์คกัมป์ แต่ในฤดูกาลนี้มีเหตุการณ์อื้อฉาวคือ ซัวเรซ ไปกัดที่ไหล่ของนักเตะเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน ออตมัน บักกัล และถูกแบน 7 นัด[1] ระหว่างที่ถูกแบนในเดือนมกราคม สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจากประเทศอังกฤษได้ซื้อตัวเขาในมูลค่า 26.5 ล้านยูโร (เหมือนกับในสถานการณ์ตอนนี้เลย ที่ถูกสโมสรยักษ์ใหญ๋อย่างบาร์เซโลน่าซื้อตัวไประหว่างโดนโทษแบนจากการกรณีไปกัดที่ไหล่ของจอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ในนัดตัดสินการเข้ารอบ16ทีมสุดท้ายWorld cup2014ที่บราซิลระหว่างอุรุกวัยและอิตาลี)นับแต่การมาของซัวเรซ ลิเวอร์พูลขยับจากอันดับที่ 12 ของตาราง ณ กลางเดือนมกราคม 2011 ไปจบที่อันดับ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลโดยเป็นผู้เล่นที่เป็นกุญแจสำคัญของลิเวอร์พูล[2] และในฤดูกาลต่อมา เขาก็พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 8 ไปครอง อีกด้วย
          และในฤดูกาลล่าสุด(2013-14) เขาก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ลิเวอร์พูลจบซีซั่นด้วยอันดับ2ของตาราง (ห่างจากแชมป์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปเพียง2แต้มเท่านั้นเอง)โดยเขายังครองสถิติเป็นดาวซัลโวของลีกอีกด้วย และยังได้รับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของอังกฤษหรือรางวัลPFAอีกด้วย นับว่าปีนี้คือปีที่พีคสูงสุดของดาวยิงอุรุกวัยคนนี้เลยก็ว่าได้
       และที่สำคัญ ทำให้ลิเวอร์พูลกลับไปเล่นในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้อีกีครั้ง หลังจากห่างหายไปหลายฤดูกาล ก่อนที่เขาจะย้ายไปบาร์เซโลน่า ในฤดูกาลถัดมา!!!!!
      (ลองคิดดูดีๆ การจากไปครั้งนี้ของหลุยส์ ก็ดูไม่น่าเกลียดนัก และเขาไม่ได้ปล่อยลิเวอร์พูลไปแบบทิ้งๆขว้างๆอีกด้วย คล้ายๆเหมือนปล่อยลูกที่โตแล้วให้ออกไปเที่ยวภายนอกได้นั่นแหล่ะ และในทางกลับกันลิเวอร์พูลก็มองเขาเหมือนลูกเช่นกัน ที่ปล่อยตัวไปให้ยักษ์ใหญ่อย่าง ทีมต่างดาว บาร์เซโลน่าในลาลีก้าเพื่อให้เขาได้หาประสบการณ์)
        
ในส่วนของการรับใช้อุรุกวัย ซัวเรซได้เป็นสมาชิกของทีมชุดยู 20 เข้าร่วมแข่งบอลโลก ยู 20 ประจำปี 2007 ในปี 2007 นี้เองซัวเรซได้ลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกเจอกับ ทีมชาติโคลอมเบีย และทำประตูได้ แต่ก็โดนไล่ออกจากสนามเนื่องจากรับ 2 ใบเหลือง ในฟุตบอลโลก ปี 2010 ซัวเรซ มีบทบาทสำคัญในทีมชุดนี้ที่ได้อันดับที่ 4 โดยทำประตูได้ 3 ลูกตลอดการแข่งขัน เขาเรียกตัวเองว่า หัตถ์พระเจ้า[3] จากการแข่งขันรายการนี้ในนัดพบทีมชาติกานา ที่ใช้มือป้องกันประตูช่วยให้ทีมอุรุกวัยผ่านเข้ารอบต่อไป ในปี 2011 ซัวเรซนำทีมชาติอุรุกวัยได้แชมป์โคปาอเมริกา ในการแข่งขันนี้ ซัวเรซได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม และยิงไปถึง 4 ประตู
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวคนแรกที่เมืองบาร์เซโลนา ตั้งชื่อเธอว่าเดลฟีนา[

สโมสร[แก้]

ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2014.
สโมสรฤดูกาลลีกฟุตบอลถ้วยลีกคัพยุโรปอื่น ๆรวม
ลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตู
นาซีโอนัล[8][34][b]2005–062710000030423412
รวม2710000030423412
โครนิงเงิน[b]2006–072910210021433715
รวม2910210021433715
อาเอฟเซ อายักซ์[b]2007–083317320041424222
2008–0931222100105004328
2009–103335680096004849
2010–11137110094102412
รวม11081121200321652159111
ลิเวอร์พูล[b]2010–1113400000000134
2011–123111434300003917
2012–133323221184004430
2013–143331301000003731
รวม110699564840013382
รวมทั้งหมด2761702318644521137363220


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น