วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตำนานสตาร์ลิเวอร์พูล2013-14/Louise Suares/We will remember you!!! (2)

ก่อนจะมาเป็นตำนาน นาซีโอนัลลุยส์ ซัวเรซ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับทีมในบ้านเกิด ทีมนาซีโอนัล ทีมที่เหยินเล่นในระดับเยาวชนมาตั้งแต่อายุ 14[5] คืนหนึ่งเขาถูกจับได้ว่าดื่มเหล้าในงานปาร์ตี้ ผู้ฝึกสอนในขณะนั้นปรามเขาว่า เขาจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกถ้ายังไม่จริงจังกับการเล่นฟุตบอล[5] [6] ในเดือนพฤษภาคม 2005 เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี เขาได้ลงเล่นให้สโมสรอย่างเป็นทางการโดยพบกับทีม จูเนียร์ เดอ บารานควิลลา ในการแข่งขันลิเบอร์ตาดอเรส คัพ[5] เขาทำประตูแรกได้ในเดือน กันยายน 2005[7] และช่วยนาซีโอนัลเป็นแชมป์อุรุกวัยพรีเมียร์ดิวิชัน 2005-06 โดยทำได้ 10 ประตู ใน 27 เกม [8] โครนิงเงิน ซัวเรซ สมัยอยู่กับ โครนิงเงิน ในปี 2006 ซัวเรซถูกจับตาจากกลุ่มแมวมองของ สโมสรฟุตบอลโครนิงเงิน ในตอนที่พวกเขาเดินทางไปประเทศอุรุกวัย เพื่อดูฟอร์มนักเตะอีกคนหนึ่ง ในเกมส์นั้น ซัวเรซ สร้างสรรค์เกม ยิงจุดโทษ และทำประตูที่สวยงาม[9] หลังเกมนั้น กลุ่มแมวมองสนใจที่จะเซ็นสัญญาซื้อ ซัวเรซ [9]หลังจบฤดูกาลนั้น สโมสรฟุตบอลโครนิงเงิน เซ็นสัญญาซื้อเขาในราคา 800,000 ยูโร[5] ซัวเรซ อยากที่จะย้ายไปเล่นที่ยุโรปเพราะว่าแฟนของเขาและภรรยาในปัจจุบัน โซเฟีย บาลบิ ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนาก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้เขาต้องรักษาความสัมพันธ์จากการต้องห่างกันเอาไว้ และนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้อยู่ใกล้แฟนสาวมากขึ้น[10]
 อาเอฟเซ อายักซ์ ซัวเรซ กับ สโมสรฟุตบอลอาเอฟเซ อายักซ์ ในช่วงปี ค.ศ. 2007 ซัวเรซ ได้เซ็นสัญญากับ อาเอฟเซ อายักซ์ เอาไว้ 4 ปี ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านยูโร ในฤดูกาล 2007-08 ซัวเรซ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกและบอลถ้วยเกือบทุกนัด โดยเขาทำผลงานในฤดูกาลแรกได้ยอดเยี่ยมโดยทำไป 22 ประตูจากการเล่น 44 นัด รวมทุกรายการ ในฤดูกาล 2008-09 ซัวเรซ ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร และได้เป็นดาวซัลโวของสโมสร ถึงแม้ว่าจะถูกทำโทษเนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม และได้รับถึง 7 ใบเหลืองในฤดูกาลเดียว ในฤดูกาล 2009-10 เขายังได้เป็นกัปตันทีมของ อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม แทน โธมัส แฟร์มาเลน ที่ย้ายไปอยู่กับ อาร์เซนอล โดย ซัวเรซ ทำได้ 35 ประตู จาก 33 นัด ในลีก และพาทีมคว้าแชมป์เคเอ็นวีบี คัพ รวมทั้งได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเนเธอร์แลนด์ ยิงรวมทุกถ้วย 49 ประตู ในฤดูกาล 2010-11 ซัวเรซ ยิงให้สโมสรอายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ครบ 100 ลูก ในนัดที่เปิดบ้านเสมอกับ พีเอโอเค ซาโลนิกี้ 1-1 ใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก และนำทีมอายักซ์ คว้าแชมป์เอเรดิวีซี่ ของลีกสูงสุดในประเทศ เนเธอร์แลนด์ แต่ ซัวเรซ ก็โดนแบน 7 นัด จากการที่เขาไปกัดไหล่ของ ออสมาน แบคคาล กองกลางของ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน รวมถึงถูกต้นสังกัดสั่งลงโทษแบน 2 นัดและสั่งปรับเงินโดยที่ไม่เปิดเผยจำนวน ก่อนที่จะย้ายไปสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลของ พรีเมียร์ลีก ที่ประเทศอังกฤษ ในปลายฤดูกาล 2010-2011 ด้วยค่าตัว 22.8 ล้านปอนด์ (1,026 ล้านบาท)

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/มาร์ค วิลม็อต/ยอดกองกลางแห่งปีศาจแดงยุโรป

ชื่อ
มาร์ค
นามสกุล
วิลม็อทส์
สัญชาติ
เบลเยียม
วันเกิด
22-02-69
อายุ
45
ประเทศที่เกิด                    
เบลเยียม
สถานที่เกิด
Dongelberg
ตำแหน่ง
กองกลาง
ส่วนสูง
183 cm
น้ำหนัก
89 kg
 มาร์ค วิลม็อตส์ เกิดเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 1969 อายุ45ปี ที่ดอนเกนเบรก์ เบลเยียม อดีตดาวเตะผู้ติดทีมชาติเบลเยียมกว่า70นัดผู้นี้ โดยเริ่มต้น การคุมทีมในปี2004 กับชาลเก้ก่อนย้ายมาคุม แซงค์ ทรุยด็อง และมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติเบลเยียมในปี2009 ก่อนขึ้นมาคุมอย่างเต็มตัวในปี2012
เคยเป็นนักเตะของชาลเก้ในบุนเดสลิก้า ก่อนที่จะผันตัวเองมาคุมทีม  โด่งดังในทีมชาติเบลเยี่ยมยุค90

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/สเตฟาน ชาปุยส์ซา/ยอดกองหน้าแห่งทีมนาฬิกา

อดีตจอมถล่มประตูทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ย้ายมาร่วมทัพ “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ ในปี 1991 ก่อนจะค้าแข้งในถิ่น เวสต์ฟาเล่น สตาดิโอน ถึง 8 ฤดูกาล แค่ฤดูกาลแรกเจ้าตัวก็เกือบคว้าตำแหน่งดาวซัลโว บุนเดสลีกา ไปครองได้แล้ว น่าเสียดายที่ดาวยิงจากแดนนาฬิกายิงน้อยกว่า ฟริตซ์ วอลเตอร์ ของ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ต แชมป์ บุนเดสลีกา ฤดูกาลนั้นไปเพียง 2 ประตู แต่เมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้ว ชาปุยซาต์ ทำประตูในสีเสื้อของ ดอร์ทมุนด์ ไปถึง 102 ประตูจาก 218 เกม โดยที่ประตูที่ทำได้ทั้งหมดมาจากการยิงจุดโทษแค่ 2 ประตูเท่านั้น เฉลี่ยแล้ว ชาปุยซาต์ ทำประตูได้ 0.47 ประตูต่อเกม รั้งอันดับ 4 ของตารางดาวซัลโวตลอดกาลของ “ชวาร์ซ-เกลเบ้น” ประตูของเขามีส่วนให้ ดอร์ทมุนด์ กวาดแชมป์มาได้ 7 รายการ ได้แก่ บุนเดสลีกา 2 สมัย, เดเอฟเบ ซูเปอร์คัพ 2 สมัย, ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ 1 สมัย และรองแชมป์ ยูเอฟ่า คัพ ปี 92-93 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนบอล “เสือเหลือง” จะรักจอมถล่มประตูคนนี้มากๆ
ติด1/50คน การซื้อตัวที่สูงสุดในบุนเดสลิกา(ที่ติดๆก็จะมีเช่น มาร์โค ร็อยส์ โจวานนี่ เอลแบร์ เควิน คีแกน เป็นต้น)
ชาปุยส์ซา แขวนสตั๊ดหลังจบบอลโลกปี1994 รุ่งเรื่องมากในสมัยอยู่กับ "เสือเหลือง"ในช่วงฤดูกาล1996-97

ตำนานซุปเปอร์สตาร์บอลโลก/เจย์ เจย์ โอโคชา/โรนัลดินโญ่แห่งอินทรีมรกต

ทักษะอันครบเครื่อง เทคนิคเกินขาด คล่องแคล่วว่องไว เซนต์ฟุตบอลที่เหลือเชื่อ สิ่งเหล่านี้ ล้วนอยู่ในตัวของชายที่ชื่อ เจย์ เจย์ โอโคชา มิดฟิลด์ระดับตำนานแห่ง ดินแดนมรกต ไนจีเรีย

เริ่มต้นค้าแข้งอย่างเป็นทางการในลีก เยอรมัน


   ออกุสติน โอโคชา เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 1973 ที่อีนูกู ประเทศไนจีเรีย ทางแถบแอฟริกัน เริ่มเล่นให้กับทีมของเยอรมัน โบรุสเชีย เนินเคอเชน หลังจากนั้นย้ายสู่ ไอแทรก แฟร้งเฟิร์ส ตามลำดับ
โอโคชามีความคล่องตัว ความเร็วที่เหลือร้าย หลังจากย้ายไปเล่นในดินแดนตุรกี ให้กับ สโมสร เฟเนบาเช่ และสร้างฟอร์มการเล่นที่สุดยอดจนเป็นที่จับตาของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่หลายๆ ทีม


ตัวเล็ก ลีลาร้าย สำหรับ ออกุสติน
 และแล้ว ก็เป็นสโมสรจากเมืองปารีส เปแอสเช ปารีสแซงค์แชร์แมง ที่ทำสถิติ การย้ายตัวของนักเตะแอฟริกันสูงสุด ณ ตอนนั้น โดยการดึง โอโคชาเข้าสู่ทีม




หลังจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น โอโคชา ถูกปล่อยตัวฟรีจากปารีสแซงแชงแมง หลังอยู่กับทีม มา 4 ฤดูกาล เพื่อเข้าสู่ทีม โบลตันวันเดอเรอร์ ในลีกของอังกฤษ และ กลายเป็นขวัญใจของเดอะทร็อตเตอร์ในที่สุด



ชีวิตบั้นปลายการค้าแข้ง โอโคชาเลือกหาประสบการณ์อันแปลกใหม่ ที่ กาตาร์ เอสซี และ สโมสรสุดท้ายคือ ฮัลล์ ซิตี้ ก่อนประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในที่สุด


กาตาร์เอสซี และ จบสุดท้ายที่ ฮัลล์ซิตี้ ยุติ 454 เกมส์ตลอดชีวิตการค้าแข้ง
แฟนบอลพรีเมียร์ต่างรู้จักเขาดี หลังช่วยโบลตันในการต่อสู้บนเวทีพรีเมียร์ลีก 
ในนามทีมชาติ โอโคชา รับบทบาทเป็นจอมทัพให้กับทีม อินทรีย์มรกตไนจีเรียมาโดยตลอด โดยสวมเสื้อหมายเลข 10 รับบทสวมปลอกแขนกัปตันทีม และ มีความเป็นผู้นำอย่างสูง โดยลงสนามให้ทีมชาติ 75 นัดทำได้ 14 ประตู  โดยสามารถพาทีมไนจีเรีย เข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก ได้ 2 สมัยนั่นคือในปี 1994 และ ฟร็องส์ 98 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ
เจย์ เจย์ โอโคชา ถูกรับเลือกจากเปเล่ตำนานนักเตะบราซิลชื่อดังในอดีตให้ติด1ใน100คน นักเตะในตำนานด้วย หรือที่เรียกกันว่า ฟีฟ่า100
     หากเรานึกถึงชื่อโอโคชา เราคงต้องนึกถึง ลีลาการเล่นฟุตบอลอันสวยงาม และ ทักษะอันเหลือร้าย น่าเสียดายเหลือเกิน ที่ปัจจุบัน จะหาใครที่เล่นฟุตบอลได้ เอนเตอร์เทน คนดู ไปมากกว่าเขา  โดยไม่หวังผลการแข่งขัน  จะหาได้ไหมหนอ ...